ถึง สนามบินเมืองกีโต้ (Quito) เมืองหลวงของ ประเทศเอกวาดอร์ (Ecuador) (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง) เมืองนี้เป็นอีกเมืองหนึ่งในจำนวน 1,000 เมืองที่ ที่บรรดานักท่องเที่ยวมักกล่าวว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราควรหาโอกาสมาแวะชมเมืองนี้”เมืองนี้แม้จะอยู่ที่เส้นศูนย์สูตร แต่ก็เป็นเมืองบนหุบเขา สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,500เมตร จึงทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี (ใช้เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง)

ถึงสนามบินบัลตรา(Baltra Airport) (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 13 ชั่วโมง)ที่เป็นหนึ่งในหมู่เกาะกาลาปากอส โดยเกาะบัลตรา(BaltraIsland)  นี้อยู่ห่างจากเอกวาดอร์ (Ecuadorian) ประมาณ 965 กิโลเมตร บนมหาสมุทรแปซิฟิก เกาะบัลตราตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะซานตาครูส (Santa Cruze)

นำท่านสู่ท่าเรือเพื่อล่องเรือเที่ยวชมธรรมชาติของหมู่เกาะกาลาปากอส  ร่วมแชร์ประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ใจไปกับเรือ GALAPAGOS LEGEND เรือสำราญหรู ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งสามารถจุนักท่องเที่ยวได้ถึง 100 คน

นำท่านเยี่ยมชมเกาะมอสกัวร์รา (Mosquera Islet)  ซึ่งเป็นเกาะภูเขาไฟขนาดเล็ก บนเกาะท่านจะพบกับหาดทรายสีขาวสะอาดตา ทัศนียภาพอันสวยงามไม่เหมือนที่ใด และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก พื้นที่ของเกาะเป็นที่ราบสม่ำเสมอ ไม่มีปล่องภูเขาไฟให้เห็นดังชื่อเรียก ทั้งนี้เกาะมอสกัวร์รา เหมาะแก่การดูนก ว่ายน้ำและดำน้ำตื้นเป็นอย่างมาก ให้ท่านเดินเล่นเรียบหาดทราย ตื่นตาตื่นใจกับสีเทอร์ควอยส์ของน้ำทะเล ท่านจะได้พบกับฝูงสิงโตทะเล (California Sea Lions) ซึ่งนอนอาบแดดบนหาดทราย นกกระยางสีน้ำตาล และ นกบู้บี้ (Boobies) และหากสังเกตตามตามโขดหิน ท่านจะพบกับปูแซลลี่ย์ไลท์ฟุต (Sally light foot crab) หรือปูหินสีแดง (Red rock crab) เดินเร็วไปมา หาอาหารตามแอ่งน้ำเล็กๆแถวโขดหิน ปูชนิดนี้จะมีกระดองและก้ามสีแดง หรือแสด กับสีฟ้าตรงท้อง ซึ่งตัดกับสีดำของลาวา

เดินทางสู่เกาะเซาท์ พลาซ่า (South Plaza Island) เป็นเกาะเล็กๆนอกชายฝั่งซานตาครูส ในหมู่เกาะกาลาปากอส เกาะนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของลาวาเหลวที่ผุดขึ้นมาจากใต้มหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งนี้ถึงขนาดของเกาะจะมีขนาดเล็ก แต่กลับเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ และยังเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องความอัศจรรย์ ของพรรณพืชพิเศษหลายชนิดด้วย บนชายฝั่งของเกาะพบกับฝูงสิงโตทะเล (California Sea Lions)  นกหลากหลายชนิด เช่น นกปากแดง(Nesting red-billed) นกบู้บี้ (Boobies) ทั้งสามชนิด คือ นกบู้บี้ตีนแดง (Red Footed booby) นกบู้บี้ตีนฟ้า (Blue Footed booby) และ นาซกาบุ้บี้ (Nazca (masked) booby) บู้บี้ตีนฟ้าถือว่าเป็นราชาแห่งนกบู้บี้ทั้งสามสายพันธุ์ ตัวเมียหน้าอกสีขาว โดยจะเกาะอยู่บนกิ่งไม้ และนกนางนวลตาแดง และยังเป็นเกาะเดียวในโลกที่ท่านสามารถพบกับอีกัวน่าสายพันธุ์เฉพาะ (Hybrid Iguana) ที่กาลาปากอสเท่านั้น มีความสามารถพิเศษในการอยู่อาศัยและหาอาหารในสภาพแวดล้อมทางทะเล ว่ายน้ำและสามารถดำน้ำลึกกว่า 9 เมตร (ไม่รวมค่าเช่าอุปกรณ์ ซึ่งท่านสามารถเช่าได้จากบนเรือ)ส่วน ใหญ่อาศัยอยู่บนชายฝั่งที่เป็นโขดหิน ซึ่งท่านสามารถพบได้กว่าสามร้อยตัว บ้างนอนเล่น บ้างเดินหาอาหารตามชายหาด ทั้งนี้อีกัวน่าทะเลยังกินแต่พืชน้ำเท่านั้น สำหรับพรรณพืชบนเกาะนี้ จะมีความพิเศษตรงที่ มันจะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล เช่น ผักเบี้ยทะเล (Sesuvium Boasts) ที่จะมีสีเขียวสดในช่วงฤดูฝน และจะเปลี่ยนเป็นสีส้มอมม่วงในช่วงฤดูแล้ง

นำท่านสู่เกาะซานตาเฟ (Santa Fe) หรือชื่ออังกฤษว่าเกาะบาร์ริงตัน (Barrington Island)  เกาะๆ นี้ตั้งอยู่เกือบจะศูนย์กลางของหมู่เกาะกาลาปากอส หรือ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะซานตาครูส ทั้งนี้เกาะซานตาเฟ ยังนับว่าเป็นหนึ่งในเกาะที่มีความเก่าแก่ทางธรณีวิทยาที่สุดเกาะหนึ่ง ตั้งแต่ได้มีการค้นพบภูเขาไฟอายุกว่า 4 ล้านปีบนเกาะนี้ ส่วนมากจะโดดเด่นไปด้วย ต้นไม้เตี้ยๆ ต้นซานโต พาโล อัล (Polo Santo Tree) ต้นพริ้กกี้ แพร์ ที่เต็มไปด้วยหนาม ลำต้นเท่าตัวคน (Prickly pear Cactus) และสำหรับสัตว์ท้องถิ่นหลากหลายสายพันธุ์ เช่น อีกัวน่าบก (Land Iguanas)

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของเรือ
เที่ยวชมปันตา พิท (Punta Pitt) หรือ พิท พ้อย (Pitt Point) บนเกาะซานคริสโตบัล (San Cristobal Island) หรือชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “แชแทม” สัมผัสกับประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านจะได้ชมนกบู้บี้ทั้งสามสายพันธุ์พร้อมกัน คือ บู้บี้ตีนแดง บู้บี้ตีนฟ้า และนาซกาบู้บี้ ทั้ง นี้ปันตา พิท ตั้งอยู่สุดฝั่งตะวันออกของเกาะซาน คริสโตบัล นำท่านลงจากเรือท่านจะได้ยินเสียงร้องของสิงโตทะเลตัวผู้ และชมการแสดงการต่อสู้อย่างดุเดือด อย่างใกล้ชิด  จากนั้นนำท่านขึ้นสู่เนินผาเพื่อชมนกฟริเกต หรือนกโจรสลัด (Frigatebird) นกชนิดนี้ลำตัวมีขนสีดำ บนหลังมีขนสีเขียว ตัวเมียจะมีแผงคอสีขาว ตัวผู้จะมีกระเปาะถุงลมที่คอสีแดงเรียกว่า ถุงกูลาร์ ใช้เพื่อเรียกตัวเมีย จะใช้เวลากว่า 20 นาทีในการพองลม เห็นได้ในฤดูผสมพันธุ์  นอกจากนี้ยังมีนกนางนวลตาแดงอีกด้วย พาท่านเดินตามเส้นทางข้าม ปันตา พิท ชมพรรณไม้ต่างๆ เช่น ซอลท์บุช (Saltbush) พืชจำพวกที่สามารถทนทานต่อความเค็มหรือด่างของพื้นดินลาวา เดินเท้าลงไปเรื่อยๆจนใกล้ชายหาด ท่านจะพบกับต้นซานโตพาโลอัล พุ่มต้นกระบองเพชรสีเหลืองเขียว ที่มีขนาดเล็ก และใหญ่

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารบนเรือ
นำท่านมุ่งสู่เซอร์โร บรูโจ (Cerro Brujo) หรือเนินเขากิ้งก่า (Wizard Hills) ที่เกาะซาน คริสโตบัล (San Cristobal Island) ซึ่งเกิดจากภูเขาไฟถล่ม ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขาหิน (Kicker Rock) พบกับชายหาดสีขาวสะอาดซึ่งเหมาะสำหรับการอาบแดดและดำน้ำตื้น ทะเลสาบแถบนี้ท่านสามารถพบเห็นนกอีก๋อยเล็ก (Whimbrels),นกตีนเทียนคอดำ(BlackNecked Stilts) เป็นนกน้ำขนาดกลางๆ และมีขาที่ยาวมากเกือบ 50 เซนติเมตร ขนจะมีสีดำและขาว ตรงคอจะเป็นสีดำ และนกเป็ดน้ำหางแหลม โดยจะสังเกตได้จากแก้มที่มีขนสีขาวทั้งสองข้างและหางแหลมเรียว ลำตัวมีสีน้ำตาล และตรงปากจะมีสีแดงแต้มอยู่ อิสระให้ท่านเพลิดเพลินไปกับความสวยงามจนแทบหยุดหายใจ กับวิวอันสวยงามของท้องทะเลสีฟ้าคราม และเขาหิน ในปี 1835 ชาลล์ ดาร์วิน (Charles Darwin) นักธรรมชาติวิทยาและนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" ได้มาเทียบท่า โดยเรือบีเกิล ” HMS Beagle” เรือสัญชาติอังกฤษ บนเกาะซาน คริสโตบัลเป็นที่แรก

นำท่านออกเดินทาง จากเมืองปัวโต บาคัวริโซ โมรีโน (Puerto Baquerizo Moreno) เกาะซานคริสโตบัลนั่งรถชมวิว เพื่อชมธรรมชาติระหว่างทางอันสวยงาม นำท่านเข้าชมเต่ายักษ์กาลาปากอส(Lonesome George) ที่ศูนย์อนุรักษ์เต่า เซอร์โร โคโรลาโด (Cerro Colorado) ถือเป็นสัญลักษณ์ของกาลาปากอส และ ยังเป็นที่มาของชื่อหมู่เกาะกาลาปากอสอีกด้วย เต่าที่หมู่เกาะกาลาปากอส ปัจจุบันจำนวนของเต่าสายพันธุ์นี้ ได้ลดลงไปมากจนเกือบสูญพันธุ์ สมัยก่อนนักล่าปลาวาฬ และโจรสลัด นิยมจับเต่ากาลาปากอส มาไว้เป็นอาหาร เนื่องจากเต่าชนิดนี้ สามารถอยู่รอดได้ โดยไม่กินอะไรเลยถึง 1 ปี ชาวเรือจึงจับไปไว้ทีละ 40-50 ตัว เพื่อกักตุนไว้เป็นเสบียงยามออกทะเล นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมนุษย์ที่อพยพมาอยู่ที่หมู่เกาะกาลาปากอส ได้ผลิตน้ำมันจากเต่าเพื่อไว้จุดไฟตามถนนอีกด้วย เพราะเหตุนี้เต่ากาลาปากอสจึงเกือบจะสูญพันธุ์  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินปัวโต บาคัวริโซ โมรีโน (Puerto Baquerizo Moreno) เกาะซานคริสโตบัล ( San Cristobal )

รับประทานอาหารกลางวันที่สนามบิน
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่สนามบิน

นำ ชมเมืองกีโต้ เมืองหลวงที่ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,850 เมตรจากระดับน้ำทะเล  สร้างขึ้นบนรากฐานอารยธรรมอินคาในอดีต  หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ.1917 ได้มีการบูรณะบ้านเมืองจนได้รับยกย่องว่าเป็นเมืองละตินอเมริกาที่มีการ อนุรักษ์ดีที่สุด และองค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1978 นำท่านชม โบสถ์ซาน ฟรานซิสโก  จัตุรัสเสรีภาพที่รายล้อมด้วยอาคารสำคัญต่างๆ

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
มีเวลาให้ท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่า ชื่นชมกับอาคารต่างๆ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี และเลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง สมควรแก่เวลา นำท่านสู่สนามิน

นำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด (Madrid) เมือง หลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมืองมาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป ท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor of Madrid) ใกล้ เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้าง สรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นหมีเกาะต้นเชอรี่ (The bear and the cherry tree in Madrid) อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของกรุงแมดริด

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโทเลโด (Toledo)  เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย มีทัศนีภาพที่ สวยงาม เนื่องจากมีแม่น้ำเทกัส ไหลผ่านเมือง นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งโทเลโด (Toledo Cathedral) เนื่อง จากเป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน รองจากวิหารเมืองเซบีญ่า ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13  ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (ข้าวผัดสเปน)
นำท่านเที่ยวชมกรุงแมดริด ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอยู่มากมาย ทั้งอนุสาวรีย์น้ำพุไซเบเลส (The Cibeles Fountain) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสรัสซิเบเลส (Plaza de Cibeles)  ซึ่งเป็นวงเวียนสำคัญและสวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงมาดริด  โดยบริเวณนี้ มีอาคารสวยงามและสำคัญ ประจำอยู่ทั้ง 4 มุมได้แก่ ธนาคารแห่งชาติสเปน,กองบัญชาการทหารบก,ที่ทำการใหญ่ไปรษณีย์ ประตูชัยอาคาล่า และศูนย์วัฒนธรรมทวีปอเมริกาโดยประตูชัยอาคาล่า มาดริด (Splendid puerta de alcala) สร้างขึ้นในปี 1599 ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตั้งตระหง่านทางตะวันออกของใจกลางเมือง ชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza de espana)  เพื่อแวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ (Donquixote)