สัมผัสความดั้งเดิมในอดีต และย้อนประวัติศาตร์ประเทศของพม่า
แม่สอด– เมาะละเหม่ง – ย่างกุ้ง-เนปิดอ-พุกาม-มัณฑะเลย์
12 วัน 11 คืน
ระยะทางจากกรุงเทพฯ – ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑะเลย์ - สิ้นสุดแม่สอด 2,800 กิโลเมตร
วันแรก กรุงเทพ- แม่สอด (ระยะทาง495 กม.) D=Dinner
00.00 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯโดยอิสระ
18.00 น. นัดพบโรงแรม เซ็นทรัลแม่สอด
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ พร้อมสรุปการเดินทางเบื้องต้น
วันที่สอง แม่สอด-เมียวดี –เมาะละแหม่ง ( ระยะทาง 200 กม.) BLD
08.00 น. ออกเดินทางไปที่ด่าน หลังผ่านขั้นตอนการผ่านแดนของประเทศไทย พม่า เดินทางสู่ ผ่านเมืองเมียวดีมุ่งหน้าสู่ เมืองมะละแหม่ง เมืองประวัติศาสตร์ซึ่งอังกฤษเคยใช้เป็นเมืองหลวง
ใน ค.ศ.1826-1852 เพราะมีความโดดเด่นหลายประการ อาทิ เป็นสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่สามารถขนส่งสินค้าจากจุดนี้สู่หลายประเทศ / เมาะลำเลิง ในภาษาไทยภาคกลาง เมาะลำไย
ในภาษาพม่า (Mawlamyai) , หรือ มะละแหม่ง ในภาษาล้านนา จักจากตำนานความรักอมตะระหว่างเจ้าน้อยสุขเกษม ราชบุตรแห่งเชียงใหม่ และ มะเมี๊ยะ สาวแม่ค้าชาวพม่า
ที่พบรักกันในคราวที่ เจ้าน้อยสุขเกษมไปเรียน หนังสือในเมืองมะละแหม่งในขณะนั้นพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในขณะที่เชียงใหม่ ยังอยู่ภายใต้การ ปกครองของสยาม
12.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง
14.30 น. ถึงเมืองเมาะละแหม่ง // นำชม"สะพานตานลวิน (สาละวิน) " (Thanlwin Bridge) หรือ "สะพานเมาะละแหม่ง" สะพานที่ยาวที่สุดในประเทศพม่า
โดยสะพานเมาะละแหม่งนั้นมีความยาวกว่า 3 กิโลเมตร มีทางรถไฟวิ่งคู่ขนานกันไปกับสะพานผ่านเกาะ แชมพู (Shampoo Island)เชื่อมเมือง
สัมผัสบรรยากาศเมืองเมืองท่าที่สำคัญในสมัยยุคอาณานิคม อังกฤษ ลัดเลาะไปตามตลาด โบสถ์และมหาวิทยาลัย เมาะละแหม่ง รวมไปถึงตรอก ซอกซอย
ชมอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลสไตล์ (Colonial Architecture) ต่อมามุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมือง เพื่อไปชม
วัดไจ๊ตาลาน (Kyaikthanlan) วัดเก่าแก่ที่เป็นที่ประดิษฐานของ พระเจดีย์ ไจ๊ตาลาน (Kyaikthanlan Pagoda) ถูกสร้างขึ้นใน ปีค.ศ. 875 ซึ่งแต่เดิมชื่อไจ๊ซานลาน แปลว่า
เจดีย์สยามพ่าย เป็นสัญลักษณ์เด่นที่สุดของเมืองเมาะละแหม่ง จะอยู่บนเนินเขาที่จะเห็นได้เด่นชัดมากจากทุกหนแห่งใน ตัวเมืองเมาะละแหม่ง ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระทันตธาตุวัดนี้
และถูกนำไปเขียนเป็นตำนานรักว่า เป็นสถานที่สาบานรักระหว่างเจ้าน้อยสุขเกษม และมะเมี๊ยะ จากนั้นนำชม โบถส์ St.Patrick Church ซึ่งสร้างในสมัยอาณานิคมอังกฤษมีความสำคัญ
ในด้านประวัติศาสตร์ เคยใช้เป็นสถานศึกษาในยุคนั้นมาก่อน และเป็นสถานที่จริงที่เจ้าน้อยสุขเกษม มาใช้ชีวิตในโรงเรียนกินนอนแห่งนี้ อายุเก่าแก่มากกว่า 100 ปี แต่ทว่า
อาคารยังคงมีความแข็งแรงทนทาน
18.00 น. รับประทานอาหารเย็นและพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สาม เมาะละแหม่ง – เมาะตะมะ –สะเทิม- หงสาวดี ( ระยะทาง 220 กม.) BLD
06.30 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
07.00 ชมตลาดเช้าเมืองมะละแหม่ง เลือกซื้อขนม เตรียมสะเบียงแก้หิวระหว่างทาง
08.00 ออกเดินทางข้ามสะพานที่อ่าวเมาะละแหม่งมาทีเมืองเมาะตะมะ
10.30 ถึง เมืองสะเทิม สะเทิมเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา เชื่อว่านี่คือดินแดนสุวรรณภูมิ เป็นสถานที่แรกที่มีพระพุทธศาสนาเข้ามาประดิษฐาน นำชมเจดีย์คู่เมือง
เจดีย์ชเวซายัน และชมตลาดมอญ จากนั้น นำชมหมู่บ้านมอญในเมืองสะเทิม
12.00 รับประทานอาหารกลางวัน //
บ่าย เดินทางต่อไปยังเมืองหงสาวดี
17.00 ถึงหงสาวดี นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
18.00 บริการอาหารเย็น
16.30 น. นำท่านเข้าที่พักโรงแรมระดับ 2 + ดาว
18.00 น. รับประทานอาหารกลางเย็นและพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สี่ หงสาวดี – เมืองย่าง ( ระยะทาง 130 กม.) BLD
เช้า บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
08.00 น่าท่านเที่ยวชมเมืองหลวงเก่าแก่ของมอญ และอดีตราชธานีของพระเจ้าบุเรงนอง นมัสการพระเจดีย์ชเวมอร์ดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา พระเจดีย์ในสมัยเดียวกันกับพระเจดีย์ชเวดากอง
เป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองหงสาวดี เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในหงสาวดี เป็นสัญลักษณ์แสดงความรุ่งเรืองของกรุงหงสาวดี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
เป็นสถานที่ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ ก่อนออกศึกของบูรพกษัตริย์ ในสมัยโบราณกาล ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์มอญหรือพม่า รวมทั้งพระเจ้าบุเรงนองด้วย และเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
และพระนางสุพรรณกัลยา ทรงประทับอยู่หงสาวดี ก็เคยเสด็จมานมัสการพระเจดีย์องค์นี้ นมัสการ ณ จุดอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ นำท่านนมัสการพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว
มีอายุเก่าแก่กว่าพันปี ค้นพบเมื่อชาวอังกฤษ สร้างทางรถไฟ ไปมัณฑะเลย์ กราบนมัสการพระพุทธรูปนอน ที่มีพุทธลักษณะ ที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ. 2524
ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศ และเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า อีกทั้งยังสามารถ เลือกหา เครื่องไม้แกะสลักที่มี ให้เลือกอย่างมากมาย ตลอดสองข้างทาง
และยังสามารถเลือกซื้อ ของฝาก อาทิเช่น ผ้าพม่า ของที่ระลึกต่างๆ
11.30 รับประทานอาหารกลางวัน
12.30 ออกเดินทางสู่เมืองย่างกุ้ง
บ่าย ถึงย่างกุ้งนำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พัก // เดินทางไปช้อปปิ้งที่ตลาดสก็อต
17.00 นำท่านไปกราบนมัสการ พระมหาเจดีย์ ชเวดากอง ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์และอยู่คู่บ้านคู่เมือง ยังเป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดของพม่า ที่มีอายุกว่า 2500 ปี
เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ 8 เส้นของพระพุทธเจ้า องค์พระเจดีย์สร้างด้วยทองคำหนัก 2 ตัน ประดับด้วยเพชร 5,548 เม็ด และพลอย 2,217 เม็ด รวมถึงทับทิมขนาดเท่าไข่ไก่
บนยอดพระเจดีย์
19.00 น. รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารการเวก
วันที่ห้า เมืองย่างกุ้ง BLD
( รถยนต์ของคณะคาราวานจอดไว้หน้าโรงแรมที่พัก เดินทางท่องเที่ยวโดยรถบัส)
07.00 บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
08.00 นำทุกท่านนมัสการ พระลาภมุนี พระพุทธรูปหยกขาว ซึ่งเป็นพระรูปที่แกะสลักจากหินอ่อนองค์ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า สีขาวสะอาดและไม่มีตำหนิ สูง 37 ฟุต กว้าง 24 ฟุต
หนัก 600 ตัน เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง พระหัตถ์ขวาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสิงคโปร์ และศรีลังกายกขึ้นหันฝ่าพระหัตถ์ออกจากองค์
หมายถึงการไล่ศัตรูและประทานความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังมีการนำหินที่เหลือมาสลักเป็นพระพุทธบาท ซ้าย-ขวา ประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหลังพระพุทธรูปด้วย จากนั้น
ชม ช้างเผือก ที่เป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองของพม่า หรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย ชม เจดีย์เจ๊าทัตจี (Kyauk Htat Gyi) หรือ พระนอนตาหวาน ซึ่งเป็นพระที่มีความสวยงามที่สุด มีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่าง
กับศิลปะของไทยที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ เป็นศิลปะพม่าที่งดงามโดยมีขนาดความยาวขององค์ 70 เมตร จากนั้นนำท่านเดินทางไปผ่านชมพระเจดีย์ สุเล ( Sule Pagada )
องค์พระเจดีย์สูงถึง 157 ฟุตตั้งอยู่ใจกลางกรุงย่างกุ้ง สร้างอุทิศให้แก่สุเลนัต หนึ่งในสี่นัตที่เกี่ยวข้องกับตำนานของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง หลังจากนั้นขับรถชมตัวเมืองย่างกุ้ง
ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่านใจกลางกรุงย่างกุ้ง จากนั้นขับรถชมตัวเมืองย่างกุ้ง ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่านใจกลางกรุงย่างกุ้งจากนั้นนำชม พระเจดีย์โบตะตอง
ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่นำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากอง เมื่อพระเกศาธาตุได้ ถูกอัญเชิญขึ้นจากเรือ ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์โบตะตองแห่งนี้ก่อน
พระเจดีย์แห่งนี้ได้ถูก ทำลายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ โดยมีความแตกต่างกับพระเจดีย์ทั่วไปคือ ออกแบบให้ใต้ฐานพระเจดีย์มีโครงสร้าง
โปร่งให้คนเดินเข้าไปภายในได้ โดยอัญเชิญ พระบรมธาตุไว้ในผอบทองคำให้ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนผนังใต้ฐานเจดีย์ ได้นำทองคำและของมีค่าต่างๆ
ที่มีพุทธศาสนิกชนชาวพม่านำมาถวายแก่องค์พระเจดีย์ มาจัดแสดงไว้ นำท่านสักการะขอพร จาก “เทพทันใจ” (นัตโบ ยี) ซึ่งชาวพม่าให้ความเคารพอย่างมากและนิยมมาขอพร
ด้วยเชื่อว่าอธิฐานสิ่งใดจะสมความปรารถนา
19.00 รับประทานอาหารค่ำ // พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่หก ย่างกุ้ง –เนปิดอ - พุกาม ระยะทาง 650 กม. BLD
06.00 บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
07.00 ออกเดินทางมุ่งขึ้นทางตอนเหนือตามทางหลวงหมายเลข 2 สู่มณฑลมะเกวย์ ผ่านเมืองมะเกวย์ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของมณฑลนี้ ตั้งอยู่ริมแม่อิระวดีด้วยระยะทาง 152 กม.
12.00 รับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง//เดินทางต่อ แวะชมเมืองหลวงเนปิดอ
19.00 ถึง พุกาม นำท่านเข้าที่พักที่โรงแรมระดับ 3 ดาวหรือเทียบเท่า รับประทานอาหารค่ำ
วันที่เจ็ด เที่ยวเมืองพุกาม ดินแดนเจดีย์หมื่นองค์ BLD
07.00 รับประทานอาหารเช้า
08.00 นำท่านชม พระเจดีย์ชเวซิกอง (Shwe Zigon Pagoda) 1 ใน 7 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า ที่มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ที่เชื่อกันว่าภายในบรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า
และเข้าชมกุบยางกี ที่สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะในราวปี 1658 นำชม วัดมินโลมินโล ที่สันนิษฐานกันว่าน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่าติโลกมงคลสร้างโดยพระเจ้าติโลมิโล
เมือง พ.ศ. 1761 ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายนอก และภายใน โดยเฉพาะลายปูนปั้นบริเวณฐานรอบนอก และชม เวกุจี ที่แปลว่า ถ้ำทองที่ยิ่งใหญ่
ที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมที่อยู่ในช่วงต่อของศิลปพุกามยุคแรก กับยุคหลัง แล้วชม วัดอนันดา ที่สร้างโดยพระเจ้าจันสิทธะ ที่ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองพุกกาม นำชม
วัดมนุหะ ที่สร้างโดยพระเจ้ามนูหะกษัติรย์แห่งมอญ แล้วนมัสการ เจดีย์สัพพัญญู ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกกาม ถึง 61 เมตรชม วิหารธรรมยันจีที่ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหว่าน
ดั่งตำนานที่โหดร้าย แวะชมโรงงานเครื่องเขิน แล้วชมพระอาทิตย์ตกดินที่เจดีย์ชเวซานดอ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดท่านจะได้สัมผัสและเห็นภาพเจดีย์นับหมื่นองค์มุมกว้างและสวยที่สุด
จนได้สมญาว่าดินแดนเจดีย์หมื่นองค์ได้อย่างไร
19.00 รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนอัทธยาศัย โรงแรมเดิม
วันที่แปด พุกาม –ภูเขาโปปา - มันฑะเลย์ (ระยะทาง 200 กม.) BLD
08.00 ออกเดินทางสู่เมืองมันฑเลย์ระหว่างทางแวะเที่ยวชมหุบเขาโปปา ตามรอยศรัทธาแห่ง “นัต”ที่นี่แหละครับที่เราจะนำเสนอเพื่อนๆในการเดินทางไปเที่ยวเมืองพุกามครับ ภูเขาโปปา
เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วที่มีความสูงประมาณ 4981 ฟุต อยู่ห่างจากเมืองพุกามไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 50 กิโลเมตรครับ ภูเขามีความสูงมากๆและบนยอดเขาโปปา
นั้นก็ยังเป็นที่ตั้งของ "วัดตุง คาลัท" (Taung Kalat Temple) วัดพุทธที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองพุกามอีกด้วย เราจะเห็นยอดเจดีย์เหลืองอร่ามตั้งอยู่บนยอดเขาเวลามอง
ในระยไกลๆครับ ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกหนึ่งแห่ง ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความสวยงามที่หาชมได้ยากบนเขาโปปาแห่งนี้ รวมถึงเหล่านักศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ทั้งหลายอีกด้วยครับ ตามความเชื่อดั้งเดิมของประชาชนชาวพม่านั้นเชื่อกันว่าภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่สิงสถิตของบรรดาเทวดาและนัตทั้งหลายนั่นเองครับเขาโปปา
(Mount Popa) ชื่อนี้มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤตแปลว่าดอกจำปาครับ เนื่องจากในอดีตบริเวณภูเขาลูกนี้ เคยมีต้นจำปาขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก หรือเรียกอีกชื่อว่า “ภูเขาดอกจำปา”
12.30 รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย ออกเดินทางเส้นทางไฮเวย์ขึ้นเหนือเข้าเมืองมันฑะเลย์ // ถึงเมืองมันฑะเลย์นำท่านเข้าที่พัก//พักผ่อนอิสระ…………………..
18.00 รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัทธยาศัย
วันที่เก้า เที่ยวชม มัณฑะเลย์-อังวะ-สกายง์ BLD
( รถยนต์ของคณะคาราวานจอดไว้หน้าโรงแรมที่พัก เดินทางท่องเที่ยวโดยรถบัส)
04.00 ชมพิธีล้างหน้าพระมหามัยมุนี ตอนเช้ามืด
07.00 รับประทานอาหารเช้า
08.00 นำชม เมืองอมรปุระ(AMARAPURA) เมืองแห่งผู้เป็นอมตะซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นราชธานี เพียง 76 ปี แห่งหนึ่งของพม่าก่อนที่จะย้ายมายอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ใน
ปี พ.ศ.2400 ชม สะพานไม้อูเบ็ง(U-BEN) สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลกโดยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ชื่อว่าเสาอู เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง1,208 ต้นซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทอดข้าม ทะเลสาบคองตามัน (TOUNGTHAMON)ไปสู่วัดจอกตอจี ซึ่งมีเจดีย์ที่สร้างตามแบบวัดอนันดาแห่งพุกาม
10.00 นำท่านไปทำบุญตักบาตร ณ วัดมหากันดาโยง ซึ่งมีพระสงฆ์นับพันรูป มารอรับจตุปัจจัยจากท่าน
11.00 น. นำชม ผ้าดุลยา ชมโรงทอผ้าที่ใช้ในราชสำนักมัณฑะเลย์ ที่มีวิธีในการทอที่แตกต่างไปจากการทอผ้าในประเทศต่าง โดยใช้กระสวยมากกว่า 100 กระสวยเป็นเส้นยืนนิยมทอทั้งผ้าฝ้าย
และผ้าไหม ในสมัยราชสำนักมัณฑะเลย์ ผ้าชนิดนี้สงวนไว้สำหรับวังหลวงเท่านั้น ปุถุชนธรรมดาไม่สามารถนำมานุ่งห่มได้ โดยผลิตเป็นผ้านุ่งของสตรีในวังสมัยนั้น สีที่นิยมได้แก่สีฟ้า
และสีชมพู จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองสกายง์
12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ เมืองสกายง์
บ่าย นำชม เมืองสกายง์ ซึ่งเคยเป็นราชธานีโบราณ อีกแห่งหนึ่ง สัญนิษฐานกันว่าเป็นราชธานีของกลุ่มฉาน หรือ ชาญมาก่อนการสร้างเมืองอังวะ และอมรปุระ
เมืองสกายง์ตั้งอยู่อีกฝั่งแม่น้ำอิระวดีซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับเมืองมัณฑะเลย์และเมืองอมรปุระ หากมองจากอีกฝั่งหนึ่งจะมองเห็นเจดีย์สีขาวและสีทองอยู่เป็นกลุ่ม ลดหลั่นลงมาตาไหล่เขา
ขนานไปกับแม่น้ำอิระวดี ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก/ นำชม เจดีย์อูมินทงแส่ ภายในมีพระพุทธรูป 45 องค์ประดิษฐานเรียงกันเป็นครึ่งวงกลมตั้งอยู่บนยอดเขาสกายง์
/ นำชม เจดีย์กาวมุตาวน์ เจดีย์ทรงกลมผ่าครึ่งเส้นรอบวง 274 เมตร สร้างโดยพระเจ้าตาหลู่นเพื่อประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจากเมืองแคนดี้ประเทศศรีลังกา
15.00 น. นำชม เมืองอังวะ ราชธานีโบราณ อีกแห่งหนึ่งของพม่า - ชมประตูเมืองทางทิศเหนือ ที่เรียกว่า คาวเซตั่นคา เป็นประตูที่สมบูรณ์ที่สุดและใช้เป็นประตูสำหรับ
ทำพิธีสระผมในเทศกาลติ่นจ่าน(สงกราณต์)นำชม หอสังเกตการณ์ นันมยิ่น มะหย่า
วสิ่น เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังหลวงของพระเจ้าปะจีตอชม วัดมหาอ่อง-มเหย่ป่งสัน หรือวัดโอ้กจาวน์ สร้างโดยพระนางนันมะต่อแหม่นุ๊ มเหสีพระเจ้าประจีตอ
ลือกันว่าพระสร้างสร้างให้เจ้าอาวาส(พระอาจารย์หญ่าววัน) ผู้เป็นชู้รัก ลักษณะเป็นอาคารก่อ อิฐถือปูนทรงสูงแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น / ชม วัดบากะยะจาวน์
อารามไม้สักที่สร้างในยุคต้นๆของอังวะ มีงานไม้จำหลักลวดลายละเอียดประณีต ฝีมืองามมากทั้งทั้งที่ซุ้มประตู บานประตู หลังคา อาคารแห่งนี้มีเสาไม้สักรอง
รับน้ำหนักอยู่ทั้งหมด 267 ชิ้น และนำท่านเดินทางกลับมัณฑะเลย์
19.00 น. รับประทานหารค่ำ ที่ภัตตาคาร แล้วนำท่านกลับสู่ที่พักโรงแรม 3 ดาว
วันที่สิบ ล่องเรืออิระวดี – หมู่บ้านมิงกุน – ชเวอินบินร์-ชเวนันดอ-วัดกุโสดอ-พระราชวังมัณฑะเลย์-มัณฑะเลย์ฮิล –โรงงานตีทองคำเปลว BLD
( รถยนต์ของคณะคาราวานจอดไว้หน้าโรงแรมที่พัก เดินทางท่องเที่ยวโดยรถบัส)
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
08.00 น. นำท่าน ล่องเรือแม่น้ำอิระวดีสู่หมู่บ้านมิงกุน นำชม เจดีย์มิงกุน สร้างโดยพระเจ้าปดุง เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ความสูง ๑๕๓ เมตร
ชมระฆังมิงกุนที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานไว้ ณ เจดีย์มิงกุน น้ำหนัก ๘๗ ตัน เส้นรอบวง ๑๐ เมตร สูง ๓.๗๐ เมตร ชม เจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งาน) ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล
ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๓๕๙ โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน
ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำชม ชมโรงงานทำทองคำเปลว เป็นกรรมวิธีโบราณ ที่ใช้วิธีตีทองคำก้อนเล็กๆให้กลายเป็นแผ่นบางๆ คนไทยน้อยคนนักที่จะเคยเห็นวิธีการทำแบบดั้งเดิมแม้แต่ในบ้านเราเอง
ซึ่งปัจจุบันทองคำเปลวล้วนแต่ผลิตจากโรงงานส่วนใหญ่ซึ่งไม่ใช่ทำมาจากทองคำแท้เป็นเหตุที่เวลาใช้ในการปิดทององค์พระพุทธรูป จะทำให้องค์พระเศร้าหมอง และดำ
/ นำชม ชเวอินบินทร์ วัดโบราณไม้สักที่มีงานไม้จำหลักภาพพระพุทธประวัติยุคศตวรรษที่ 13 ที่ยังคงความงดงามและคุณค่าทางศิลปะที่หาที่ประเมินค่ามิได้
และถือว่าเป็นยอดของงานศิลปะแบบมัณฑะเลย์โบราณ ที่ช่างมัณฑะเลย์นิยมใช้ในการสร้างพระราชวังมัณฑะเลย์ เช่น ทรงหลังคา เป็นต้น และยังหลงเหลือและหลุดรอดจากการ
เผาทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นำชมพระราชวังมัณฑะเลย์ สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยไม้สักทั้งหลังแทนของเดิมที่ถูกไฟเผาทำลายในช่วงสงครามโลก ครั้งที่สอง
โดยจำลองแบบจากภาพเขียนของชาวต่างชาติ ซึ่งพอที่จะบอกถึงเค้าโครงเดิมของตัววังเก่าในสมัยนั้นได้ เป็นสัญลักษณ์ของราชธานีพม่าโบราณที่ยังคงร่องรอยของ
ความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้รอบๆพระราชวังยังมีกำแพงเมืองโบราณทั้งสิ่ด้านที่ล้อมรอบด้วยคูน้ำเป็นของเดิมที่ไม่ถูกทำลายในนำชม วัดกุโสดอ วัดที่เป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา
โดยมีการรวบรวมพระธรรมขันธ์แปดหมื่นธรรมขันธ์ บรรจุไว้ในเจดีย์ , นำชมวิหารชเวนันดอร์ วิหารไม้สักเพียงหลังเดียวของพระเจ้ามินดงที่หลุดรอดจากการเผาทำลาย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็น งานไม้แกะสลักที่ทรงคุณค่า อายุมากกว่า ๑๐๐ ปี
เย็น นำท่านไป ชมวิวเมืองมัณฑะเลย์ ณ ยอดเขามัณฑะเลย์ / รอชมพระอาทิตย์อัสดง
วันที่สิบเอ็ด มัณฑะเลย์ –ตองอู ( ระยะทาง 400 กม.) BLD
07.00 รับประทานอาหารเช้า
08.00 เช็คเอาท์พร้อมเดินทางไปเมืองตองอู
12.00 รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย ถึง เมืองตองอู เป็นเมืองในเขตพะโค ประเทศพม่า อยู่ห่างจากย่างกุ้งไปทางเหนือ 220 กม. ตั้งบนฝั่งแม่น้ำสะโตง เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรอิสระตั้งแต่
คริสต์ศตวรรษที่ 14-16 ในสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นเข้ายึดครองระหว่างปี ค.ศ. 1942-1945 ในประวัติศาสตร์ ตองอู ถือเป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์พม่า
ในอาณาจักรที่ 2 คือ อาณาจักรหงสาวดี ด้วยเป็นเมืองแรกที่พระเจ้าเมงจีโย ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ตองอูได้สถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ตรงกับคืนเดือนเพ็ญ
ค.ศ. 1510 (ข้อมูลอย่างเป็นทางการบันทึกไว้ว่าตรงกับวันที่ 21 พฤศจิกายน) ก่อนที่ในรัชกาลถัดมา คือ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ซึ่งเป็นราชบุตร และพระเจ้าบุเรงนอง
จะได้ขยายอาณาจักรลงใต้สู่หงสาวดี อันเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของชาวมอญมาก่อน ในปี ค.ศ. 2010 ทางรัฐบาลทหารพม่าได้ทำการเฉลิมฉลองการครบรอบ 500 ปี
การสถาปนาเมืองตองอูอย่างเป็นทางการ นำชม เมืองตองอู จากนั้นนำชมพระเจดีย์ Myatsaw Nyinaung Pagoda Area & Shwe san taw Pagoda, Mya si gon Pagoda.
เย็น รับประทานอาหารเย็น // พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สิบสอง ตองอู – หงสาวดี – พะอาน (ระยะทาง 420 กม. ) BLD
06.00 บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
07.00 ออกเดินทางสู่เมืองพะอาน
12.00 แวะรับประทานอาหาร ณ หงสาวดี
16.00 ถึงเมืองพะอาน หรือ พะอัน รัฐกะเหรี่ยงพาท่านไป อาบน้ำแร่แช่น้ำนม ณ บ่อน้ำแร่
ธรรมชาติของเมือง ( เอาชุดว่ายน้ำและผ้าขนหนูไปด้วย )
18.00 รับประทานอาหารค่ำ // พักผ่อนตามอัธยาศัย
พะอาน –หมู่บ้านตำมะย๊ะ -เมียวดี- แม่สอด ( ระยะทาง 170 กม.) BLD
06.00 รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
07.00 ออกเดินทางกลับเมืองไทย
10.00 แวะหมู่บ้านตำมะย๊ะ เป็นหมู่บ้านที่คนทั้งหมู่บ้านจะไม่รับประทานเนื้อสัตว์เนื่องจากเคารพนับถือหลวงพ่อตำมะย๊ะ ซึ่งได้มรณภาพไปแล้วแต่ความศรัทธาของชาวพม่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
12.00 รับประทานอาหารระหว่างทาง
16.00 ถึงด่านเมียวดี – แม่สอด นำท่านผ่านพิธีการข้ามแดนนำรถกลับสู่เมืองไทย
@@@@@
อัตราค่าบริการ
เอกสารประกอบการเดินทาง
1. หนังสือเดินทางตัวจริง พร้อมสำเนา 2 ชุด ก่อนหมดอายุ 6 เดือน และเหลือหน้าประทับตรา
2. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 ใบ ฉากหลังสีขาว
3. สำเนาทะเบียนรถ 2 ชุด ( กรณีรถที่ติดไฟแนนซ์ หรือเป็นชื่อบุคคลอื่นต้องมีหนังสือมอบอำนาจ)
4. สำเนาใบขับขี่ไทย 2 ชุด รุ่นใหม่ที่มีภาษาอังกฤษ หรือ ใบขับขี่สากลตัวจริง
5. เลขที่อนุญาตของวิทยุสื่อสารที่จะนำติดไป
6. รูปถ่ายรถยนต์ 4 ด้าน
ราคานี้รวม
ค่าด่านและธรรมเนียมการนำรถออกต่างประเทศและเข้าประเทศพม่า ,วีซ่าประเทศพม่า,ค่าไกด์ , ค่าอาหารตาม
รายการ , ค่าที่พักตามรายการ , ค่าผ่านทาง , ค่าประกันชีวิต ท่านละ 1,000,000 บาท,
ค่ารถบริการ,ค่าธรรมเนียมการข้ามแดน, ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ,ค่าประกับอุบัติเหตุตามพรบ.ของแต่ละ
ประเทศกำหนด
ราคานี้ไม่รวม
ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง , ค่ามินิบาร์ , ภาษี , ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นอกเหนือรายการ,ค่าทิปไกด์,ค่าพนักงานยกกระเป๋า
,ความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างรถท่านกับรถยนต์หรือบุคคลท้องถิ่นนอกเหนือประกันคุ้มครอง
หมายเหตุ
1.การขออนุญาตยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 วัน