วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ
19.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุววรณภูมิเคาท์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์เคาท์เตอร์U ประตู 9
Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
22.50 น. ออกเดินทาง (บินตรง)สู่ประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูลโดยเที่ยวบินที่ TK65
วันที่สอง ท่าอากาศยานอิสตันบูล•พระราชวังทอปกาปึ•อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน•จัตุรัสสุลต่าน อาห์เหม็ด•บลูมอสก์•ฮายาโซฟีอา•ชอปปิ้ง ณตลาดแกรนด์บาซาร์ä(เช้า/กลางวัน/เย็น)
5.45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล สนมบินแห่งใหม่ ณ ประเทศตุรกี
เมืองอิสตันบูลเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร
ชมพระราชวังทอปกาปึ(Topkapi Palace)อันเป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดย 'จักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต'(MEHMET THECONQUEROR)ในอดีตพระราชวังทอปกาปึเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็ก ๆ คริสเตียน(พวกนอกศาสนา)มาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดสุลต่าน 'มาห์มุทที่ 3' ก็ตัดสินใจยุบระบบขุนนางทหารรับใช้ซึ่งยืนยงมากว่า 350 ปีนี้ลง และปฏิรูประบบการจัดการทหารในประเทศเสียใหม่ โดยการนำการจัดทัพแบบยุโรปมาใช้ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านฯลฯ พระราชวังทอปคาปีเป็นที่สำหรับแสดงทรัพย์สมบัติอันมีค่าของสุลต่านของออตโตมานสมัยต่างๆ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก, พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม ในอดีตภายในพระราชวังนี้จะมีข้าราชบริพารทำงานกันอยู่ประมาณ 5 พันคน จึงมีสภาพคล้ายตัวเมืองที่ซับซ้อนอยู่ในตัวเมืองอีกชั้นหนึ่ง ตัวพระราชวังนั้นได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตร ในยุคที่จักรวรรดิออตโตมานรุ่งเรืองถึงขีดสุด
ชม อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน( Basilica Cistern )อุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูลสามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ตั้งแต่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น ใช้เก็บน้ำเอาไว้อุปโภคบริโภคภายในวัง โดยลำเลียงน้ำมาจากทะเลดำ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานเเล้ว เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวอย่าเดียวเท่านั้น
จากนั้น ชม จัตุรัสสุลต่าน อาห์เหม็ด(Sultanahmed Complex)หรือที่มีชื่อเรียกมาแต่โบราณว่า ฮิปโปโดรม (Hippodrome)ซึ่งย่านแห่งนี้แต่เดิมเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแซนไทน์และใช้เป็นลานกว้างสำหรับแข่งกีฬาขับรถม้า แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยจากอดีตที่มีแค่ลานและเสาโบราณอีก 3 ต้น คือ เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส (Theodosius Obelisk) เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมฐานกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวยาวขึ้นไปเป็นยอดแหลมส่วนเสาโบราณต้นที่ 2 เรียกกันทั่วไปว่า เสางู (Bronze Serpentine Column) เป็นเสาบรอนซ์ที่แกะลวดลายเป็นรูปงู 3 ตัวพันเกี่ยวกันไปมาได้รับการยอมรับว่าเป็นเสาแบบกรีกที่เก่าแก่ที่สุดที่มีเหลืออยู่ในอิสตันบูล และเสาต้นที่ 3 มีชื่อว่า เสาคอนสแตนติน (Column of Constantine) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1483 แต่เดิมเป็นเสาบรอนซ์ แต่ในช่วงสงครามครูเสดได้ถูกศัตรหลอมเอาบรอนซ์ออกไปจนเหลือเพียงแค่เสาปูนเท่านั้น
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น ชมสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล“บลูมอสก์” (Blue Mosque)สุเหร่าสีน้ำเงินสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนเมืองอิสตันบูล มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่งวิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางสุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใสลายดอกไม้ต่างๆเช่นกุหลาบ ทิวลิปคาเนชั่น ฯลฯ โดยหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟียเพื่อประชันความงามกันคนละฝั่ง ถ้ามองจากด้านนอกวิหารจะมองเห็นหอสวดมนต์ 6หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมีหอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอ แต่มัสยิดแห่งนี้มี หอมินาเร็ตทั้ง 6 หอ ตกแต่งด้วยหน้าต่าง 260 บาน สลับด้วยกระจกสีอันน่าวิจิตร มีพื้นที่ให้ละหมาดกว้างขว้าง มีขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วย โรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักสำหรับขบวนคาราวาน โรงครัวต้มน้ำ ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปทำละหมาด 24 ชั่วโมง
นำท่านชม ฮายาโซฟีอา (Hagia Sophia)เคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางจุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ฮายาโซฟีอาเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งอาสนวิหารเซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่นย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่าง ๆ ออก และสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม เช่นเสามินาเรต แทน สุเหร่าโซฟีอาเป็นสุเหร่าหลักของอิสตันบูลมากว่า 500 ปี และเป็นต้นแบบของสุเหร่าออตโตมันอีกหลายแห่ง เช่นสุเหร่าสุลต่านอาเหม็ด (สุเหร่าสีน้ำเงิน), สุเหร่าเซห์ซาเด, สุเหร่าซือเลย์มานิเย และสุเหร่ารืสเตม ปาชา ในปี 1935 ฮายาโซฟีอาก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์โดยรัฐบาลตุรกีจนถึงปัจจุบัน
จากนั้น ชอปปิ้ง ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศตุรกี มีความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี ยังเป็นตลาดในร่มสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย ภายในตลาดแกรนด์บาซาร์มีร้านค้ามากกว่า 4,000 ร้าน สินค้าหลักๆ ที่ขายในนี้คือ เครื่องเงิน พรม สิ่งทอ เสื้อผ้า วัตถุโบราณ ทองคำ และของที่ระลึก
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
ที่พัก GONEN YENIBOSNA HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง ISTANBULมาตรฐานระดับดาวตุรกี
วันที่สาม พระราชวังโดลมาบาห์เช่•ช่องแคบบอสพอรัส•หอคอยหิน GALATA•เมืองชานักกาเลä(เช้า/กลางวัน/เย็น)
เช้า äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
ชม พระราชวังโดลมาบาห์เช่(Dolmabahce Palace)ซึ่งสร้างเสร็จในสมัยของสุลต่านอับดุลเมจิตซึ่งทรงคลั่งไคล้ความเป็นยุโรปอย่างที่สุดทรงมีพระประสงค์จะให้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับแห่งใหม่แทนพระราชวังทอปกาปิการอสร้างพระราชวังโดลมาบาห์เชเน้นความหรูหราอลังการสะท้อนความเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เด่นชัด ด้านหน้าพระราชวังมีหอนาฬิกาใหญ่สไตล์บาร็อกตั้งตระหง่าน ขณะที่ตัวพระราชวังนั้นงดงามด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิก ลูกกรงบันไดยังตกแต่งด้วยแก้วเจียระไน ห้องโถงใหญ่ประดับด้วยโคมระย้าขนาดมหึมาหนักกว่า 4.5 ตัน อลังการงานสร้างจริงๆ
จากนั้น นำท่านล่องเรือชมบรรยากาศ ณช่องแคบบอสพอรัส(Bosporus Strait)เป็นช่องแคบที่กั้นระหว่างตุรกีเธรซที่อยู่ในทวีปยุโรปกับคาบสมุทรอานาโตเลียในทวีปเอเชีย เป็นช่องแคบหนึ่งของตุรกีคู่กับช่องแคบดาร์ดะเนลส์ทางตอนใต้ที่เชื่อมกับทะเลอีเจียน ช่องแคบบอสฟอรัสทางตอนเหนือและช่องแคบดาร์ดาเนลส์ทางตอนใต้เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลมาร์มะราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนช่องแคบบอสฟอรัสยาวราว 30 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดกว้าง 3,700 เมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 700 เมตร ความลึกระหว่าง 36 ถึง 124 เมตร ฝั่งทะเลของช่องแคบเป็นเมืองอิสตันบูลที่มีประชากรหนาแน่นถึงราว 11 ล้านคน
เดินทางสู่ จุดชมวิวสมัยยุคกลางของอิสตันบูลให้คุณมองเห็นย่านประวัติศาสตร์ของเมืองและพื้นน้ำบริเวณปากอ่าวโกลเด้นฮอร์นได้แบบพาโนรามา(360 องศา)ในสมัยที่สร้าง หอคอยหิน GALATAนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุดในอิสตันบูล ด้วยความสูงเก้าชั้นร่วม 220 ฟุต (67 เมตร)
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยงสุดพิเศษ ที่หอคอย GALATA
รู้จักกันในชื่อ "หอคอยคริสต์" ในตอนที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1348 หลังจากนั้นจักรวรรดิออตโตมันได้ใช้ที่นี่เป็นหอสังเกตการณ์สำหรับตรวจตราเพลิงไหม้ ตัวหอคอยได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์เพลิงไหม้สองครั้งใหญ่ในศตวรรษที่ 18 และ 19 นับตั้งแต่การบูรณะครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1960 หอคอยได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมและปัจจุบันก็กลายเป็นจุดชมวิวชั้นดีที่มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองและช่องแคบบอสฟอรัสไต่ขึ้นหอคอยเพื่อไปให้ถึงระเบียงด้านนอกที่เห็นวิวได้กว้างสุดลูกหูลูกตา ข้างบนนั้นคุณจะได้เห็นแลนด์มาร์กสำคัญๆ ของอิสตันบูลในมุมที่แปลกตาออกไป มองผ่านช่องแคบที่แบ่งระหว่างทวีปยุโรปกับเอเชีย แล้วตัดผ่านไปยังเมืองอิสตันบูล สะพาน GALATAที่เชื่อมต่อระหว่างสองทวีปก็สามารถมองเห็นจาก ตรงนี้ได้เช่นกัน
เดินทางสู่ เมืองชานักกาเล(Canakkale)เป็นเมืองที่ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi)หรือ เฮลเลสปอนต์ (Hellespont)มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ ใกล้กับแหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลเอเจียนชานักกาเลเคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอย ที่ปรากฏในสงครามกรุงทรอย ปัจจุบัน มีซากของกำแพงเมืองที่เป็นหินหนาปรากฏอยู่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
เย็น äรับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก KOLIN HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง CANAKKALEมาตรฐานระดับดาวตุรกี
วันที่สี่ เมืองโบราณทรอย•ม้าไม้ฮอลิวู้ด•เมืองคูซาดาซึ•บ้านพระแม่มารีä(เช้า/กลางวัน/เย็น)
เช้า äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
จากนั้น ชม เมืองโบราณ ทรอย(Troy)ตามตำนานกรีกโบราณในมหากาพย์เรื่อง ‘อิเลียต’ (Iliad) ของกวีนามว่า ‘โฮเมอร์’ (Homer) ได้มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘กรุงทรอย’ (Troy) เอาไว้ว่า ‘กรุงทรอย มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของช่องแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) ทำให้นครแห่งนี้สามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้’ ตามบันทึกที่ว่านี้นั้นแรกเริ่มเดิมทีเหล่านักปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็เชื่อว่ากรุงทรอยเป็นแค่เมืองในตำนาน หาได้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ไม่ หากแต่เมื่อราว 140 ปีที่แล้ว มีผู้ค้นพบซากของเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือซากของ ‘กรุงทรอย’
ระหว่างทาง แวะถ่ายรูป กับม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้ฮอลิวู้ด(Trojan horse)เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ จากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย ม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบยืดเยื้อมานานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากำแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทำเป็นล่าถอยออกไป เมื่อชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการที่ทางฝ่ายกรีกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าและล่าถอยไปแล้ว จึงลากเข้าไปไว้ในเมืองและฉลองชัยชนะ เมื่อตกดึก ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้เป็นที่สำเร็จ
เที่ยง äรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น เดินทางสู่เมืองคูซาดาซึ KUSADASI(ระยะทาง 199 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกี
บ้านพระแม่มารี (House of Vergin Mary)เชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้ง
เย็น äรับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก TUSAN HOTELหรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง KUSADASI มาตรฐานระดับดาวตุรกี
วันที่ห้า เมืองโบราณเอฟฟิซุส • โรงงานผลิตเสื้อหนัง•ปามมุคคาเลä(เช้า/กลางวัน/เย็น)
เช้า äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
จากนั้น ชมเมืองโบราณเอฟฟิซุส (Ephesus) เมืองโบราณที่ได้มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีแห่งหนึ่งของโลก เมืองเอฟฟิซุสเป็นเมืองในยุคโบราณที่ยิ่งใหญ่ สวยงามสมกับการเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเมืองโบราณเอฟฟิซุส รุ่งเรืองในยุคสมัยกรีก และโรมัน มีอายุกว่า 2,500 ปี เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไอโอเนียน (Ionian) ที่อพยพมาจากกรีก ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาลแผนผังเมืองเอฟฟิซุสนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางด้านยุทธศาตร์ทหาร และการค้า โดยตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับทะเลอีเจี้ยน เรือสินค้าสามารถเทียบท่าได้ใกล้ประตูเมืองมาก และตัวเมืองเอฟฟิซุสนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ขนาบด้วยภูเขาสูงสองด้าน คือภูเขาคอเรสซัส (Mount Coressus) กับ ภูเขาไพออน (Mount Pion) จึงทำให้ข้าศึกบุกโจมตีได้ยากมา
หลังอาหาร นำท่านชมโรงงานผลิตเสื้อหนังที่มีคุณภาพและชื่อเสียงของตุรกี เสื้อแจ็กเก็ตและหนัง มีคุณภาพดี แบบทันสมัย มีน้ำหนักเบา ฟอกหนังดี นุ่มบางเบา สวมใส่สบายขึ้น ราคาถูกกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริการครึ่งต่อครึ่ง เพราะตุรกีเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปขายทั่วโลก
เที่ยง äรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น ทำท่านเดินสู่ ปามมุคคาเล(Pamukkale)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง.
นำท่านชม ปามุคคาเล แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองปามุคคาเล จังหวัดเดนิซลิ (Denizli) ประเทศตุรกี มีลักษณะเป็นระเบียงน้ำพุเกลือร้อน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต หรือหินปูน ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ไอน้ำก็จะค่อย ๆ ก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อจนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเองด้วยความเชื่อว่า ปามุคคาเล เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบำบัดการอาการต่าง ๆ ทำให้ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองนั้นว่า ฮีเอราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และปามุคคาเล ก็ได้ถูกใช้เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี
เย็น äรับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก PAM THERMAL HOTELหรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่ PAMUKKALE มาตรฐานระดับดาวตุรกี
***โรงแรมมีน้ำแร่ให้ท่านได้แช่กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำก่อนลงสระด้วยค่ะ***
วันที่หก เมืองคอนย่า•เมืองคัปปาโดเกีย•สถานีคาราวาน•โชว์ระบำหน้าท้องä(เช้า/กลางวัน/เย็น)
เช้า äบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
เดินทางสู่ เมืองคอนย่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุค ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของพวกเติร์กบนแผ่นดินตุรกี ในช่วงปี 1071 -1275
เที่ยง äรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย(Cappadocia)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปลว่า“ดินแดนม้าพันธุ์ดี” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยสและภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว (ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว) ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย(คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ที่ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี
ระหว่างทาง แวะชมสถานีคาราวาน(Caravanserai)มักจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอิทธิพลจากเปอร์เชียที่ก่อสร้างเป็นที่พักเล็กข้างทางที่นักเดินทางสามารถใช้สำหรับการพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง สถานีคาราวานตั้งอยู่ได้จากการคมนาคมทางการค้า การติดต่อสื่อสาร และการเดินทางของผู้คนในเครือข่ายของเส้นทางการค้า (trade routes) เป็นที่รู้จักในภาษาไทยด้วยชื่อเรียกว่า "โรงเตี๊ยม"
เย็น äรับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
จากนั้น ชมการแสดงพื้นเมือง “โชว์ระบำหน้าท้อง”Belly Danceเป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปีในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบันและการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน
ที่พัก พักโรงแรมตกแต่งสไตล์ถ้ำ 1 คืนGOREME KAYA HOTELหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกันมาตรฐานตุรกี
** ในกรณีโรงแรมสไตล์ถ้ำเต็ม ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ใช้โรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกันแทน**
วันที่เจ็ด พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม•นครใต้ดินคาดัค•โรงงานผลิต •พรมทอมือเซรามิค•โรงงานจิวเวอรี่• สนามบินเนฟเซไฮร์ •สนามบินอิสตันบูลä(เช้า/กลางวัน/-)
เช้า äบริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (GOREME OPENAIR MUSEUM)เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 สร้างโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน และสร้างโบสถ์ไว้มากกว่า 30 แห่ง จนกลายเป็นศูนย์กลางสำนักสงฆ์เมื่อราวปี 300-1200 ภายในมีภาพวาดเฟรสโกบนผนังและเพดานภายในถ้ำที่ถูกวาดไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ช่างงดงามตราตรึงใจแก่ผู้มาเยือน
เที่ยง äรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้น นครใต้ดินคาดัค(CardakUnderground City)
เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้าและชาวโรมันจากทางตะวันตกด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วยเมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัว ทำให้อากาศถ่ายเท
หลังอาหาร ชมโรงงานผลิต พรมทอมือ หัตถกรรมของชาวตุรกีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม และมีราคาแพง หาซื้อได้ทั่วไป ลวดลายแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่ผลิต แต่ละท้องถิ่นจะมีสินค้าขึ้นชื่อของตนเองโดยเฉพาะ พรมที่มีราคาแพงจะทอด้วยขนสัตว์ มีชื่อเสียงมากที่สุดต้องเป็นของเมืองเฮเรเค (Hereke)พรมมี 2 แบบ ตามลักษณะความยาวของเส้นใบที่ใช้ทอคือ ฮาลี (Hali) เป็นพรมทั่วไป ที่นิยมขายกันอย่างแพร่หลาย ทำจากวัสดุ ทั้งขนสัตว์ ฝ้าย ไหม ระหว่างการทอเมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก จะเหลือเพียงด้านเดียวที่มีขนปุยฟูขึ้นมา เป็นลวดลายตามที่ต้องการ อีกแบบคือ "คาลิม" (Kilim) ทอจากขนสัตว์ ฝ้าย และไหม ราคาถูกกว่าฮาลี ชนิดที่มีชื่อเสียงจะมาจากเมืองเฮเรเคจากนั้น ชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ อิสระเชิญท่านเลือกชมสินค้าตามอัธยาศัย
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเนฟเซไฮร์(NEVSEHIR KAPADOKYA AIRPORT)
20.45 น. ออกเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล ISTANBUL INTERNATIONAL AIRPORT
22.45 น. ถึงสนามบิน อิสตันบูล ISTANBUL INTERNATIONAL AIRPORT
หลังจากนั้น ให้ท่านได้พักผ่อนระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องโดยมีร้านค้าปลอดภาษี แบรนด์สินค้าชั้นนำ เช่น HERMES, LOUIS VUITTON, GUCCI, PRADA และยังมีร้านอาหารต่างๆอีกมากมาย
วันที่แปด สนามบินอิสตันบูล • กรุงเทพ
01.25 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์เที่ยวบินที่TK68
15.00 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
…………………………………………………………………………
อัตราค่าบริการและเงื่อนไขรายการท่องเที่ยว
ตารางวันเดินทางราคา ตุรกีบินภายใน8 วัน 5 คืน เดินทางโดยสายการบินเตอกิชแอร์ไลน์(TK)
|
วันเดินทาง
|
จำนวน
|
ไฟล์ทบิน
|
ผู้ใหญ่
|
เด็กมีเตียง
|
เด็กไม่มีเตียง
|
พักเดี่ยว
|
17 – 24 ม.ค. 63
**วันตรุษจีน**
|
35+1
|
TK65/TK68
|
33,900
|
33,500
|
32,900
|
5,500
|
07 - 14 ก.พ. 63
**วันมาฆบูชา**
|
35+1
|
TK65/TK68
|
34,900
|
34,500
|
33,900
|
5,500
|
19 – 26 ก.พ. 63
|
35+1
|
TK65/TK68
|
33,900
|
33,500
|
32,900
|
5,500
|
11 – 18 มี.ค. 63
|
35+1
|
TK65/TK68
|
34,900
|
34,500
|
33,900
|
5,500
|
25 มี.ค. – 01 เม.ย. 63
|
35+1
|
TK65/TK68
|
34,900
|
34,500
|
33,900
|
5,500
|
04 – 11 เม.ย. 63
**วันจักรี**
|
35+1
|
TK69/TK68
|
35,900
|
35,500
|
34,900
|
5,500
|
28 เม.ย. – 05 พ.ค. 63
**วันแรงงาน**
|
35+1
|
TK69/TK68
|
35,900
|
35,500
|
34,900
|
5,500
|
20 – 27 พ.ค. 63
|
35+1
|
TK65/TK68
|
34,900
|
34,500
|
33,900
|
5,500
|
04 – 11 มิ.ย. 63
**วันเฉลิมพระราชินี**
|
35+1
|
TK65/TK68
|
34,900
|
34,500
|
33,900
|
5,500
|
***หมายเหตุ***
- ไฟท์บินขาไป TK69 จะบินเวลา 23.00น. - 05.20 น.
- ไฟท์บินขาไป TK 65 ตั้งแต่เดือนพ.ค. จะบินเวลาเร็วขึ้นเป็น 21.45 น. - 04.10 น.
อัตราค่าบริการรวม
üตั๋วเครื่องบินไป -กลับพร้อมกรุ๊ป กรุงเทพฯ-อิสตันบูล-กรุงเทพฯ สายการบินTukish Airlines(TK)ไม่สามารถสะสมไมล์ได้
üตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ NAV-IST เนฟเซไฮ-อิสตันบูล
üภาษีน้ำมันและภาษีตั๋วทุกชนิด(สงวนสิทธิเก็บเพิ่มหากสายการบินปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง)
üค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 20 กก.ต่อ 1 ใบ(โหลดได้ท่านละ 1 ใบ)กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง Hand Carry 7 กก.ต่อ 1 ใบ
üค่าที่พักโรงแรมตลอดการเดินทาง ระดับมาตรฐาน (พักห้องละ 2 ท่าน)
üค่าอาหารทุกมื้อตามรายการระบุ,น้ำดื่มบริการบนรถวันละ 1 ขวด/ท่าน
üค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ
üค่ารถโค้ชรับ-ส่งสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
üค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวคนไทย
üประกันอุบัติเหตุวงเงิน1,000,000 บาท, ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 500,000 บาท
อัตราค่าบริการไม่รวม
´ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
´ ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ
´ ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด 20 กิโลกรัมต่อท่าน
´ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
´ ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
´ ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,พนักงานขับรถ,หัวหน้าทัวร์ตามระเบียบธรรมเนียม รวมทั้งทริป80USD/ท่าน