วันแรกของการเดินทาง สนามบินสุวรรณภูมิ-เมืองไคเซอร์รี่-เมืองคัปปาโดเกีย
|
20.00 น. พบกันที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน U ประตู 9 สายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์TK เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกทางด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางก่อนขึ้นเครื่อง
23.45 น. ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์เที่ยวบินที่ TK 69 (บินตรง)
สายการบิน มีบริการอาหารค่ำบนเครื่อง(ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง)
วันที่สองของการเดินทาง เมืองไคเซอร์รี่-เมืองคัปปาโดเกีย
|
05.35 น. เดินทางถึง กรุงอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเที่ยวบินภายในประเทศ
07.10 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเนฟเชียร์ โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์เที่ยวบินที่ TK 2006
สายการบิน มีบริการอาหารว่างบนเครื่องบิน(ใช้เวลาบินประมาณ 1.25 ชั่วโมง)
08.25 น. เดินทางถึงสนามบิน เมืองเนฟเชียร์ หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากรแล้ว นำท่านเข้าชม นครใต้ดินUnderground City of Kaymakliซึ่งเป็นเมืองใต้ดินที่มีครบทุกอย่าง ทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงของการสร้างเมืองใต้ดิน ปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ ส่วนใหญ่ต่างก็ลงความเห็นว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้เป็นทีหลบภัยจากข้าศึกศัตรู (โดยเฉพาะพวกทหารโรมัน) แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นกลับถ่ายเทเย็นสบาย เนื่องจากเป็นหินภูเขาไฟ อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี ประมาณ 17-18 องศาเซลเซียส หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่Goreme Open Air Museumซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ชม โบสถ์เซนต์บาร์บาราSt. Barbar Churchโบสถ์มังกรSnake Churchและ โบสถ์แอปเปิ้ลApple Churchอิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปกับภูเขารูปทรงต่าง ๆ ได้ตามอัธยาศัย พิเศษ!!เข้าชมบ้านพักของมนุษย์ถ้ำพื้นเมืองLocal Cave Houseของชาวพื้นเมืองCappadociaพร้อมดื่มชา กาแฟ เนื่องจากธรรมเนียมของชาวเมืองตุรกี เมื่อมีผู้มาเยี่ยมเยียนก็จะมอบ
ชา กาแฟ เป็น Welcome Drinkเพื่อแสดงถึงน้ำใจและมิตรภาพระหว่างเพื่อนใหม่ จากนั้นอิสระให้ท่านได้ถ่ายภาพบ้านพื้นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่จริงๆ
เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมแบบบุฟเฟต์
จากนั้นนำท่านชม “โชว์ระบำหน้าท้อง” ประกอบดนตรีของสาวน้อยชาวตุรกี
พักค้างคืน ที่ Ramada Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่สามของการเดินทาง เมืองคัปปาโดเกีย-เมืองคอนย่า
|
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
05.00 น. ท่านที่สนใจนั่งบอลลูน พร้อมกัน ณ บริเวณล๊อบบี้ (ทัวร์นั่งบอลลนนี้ไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ ค่าขึ้นบอลลูนประมาณท่านละ 200 ดอลล่าสหรัฐ ในกรณีที่ชำระด้วยเงินสด และราคา 210 ดอลล่าสหรัฐ ในกรณีที่ชำระด้วยบัตรเครดิต)เจ้าหน้าที่บริษัทบอลลูน รอรับท่าน เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ไม่ควรพลาด พร้อมกับประกาศนียบัตรที่รอมอบให้กับทุกท่าน
09.00 น. นำท่านชม เมืองคัปปาโดเกียCappadocia ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่าง ๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกียCappadocia เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า ดินแดนม้าพันธุ์ดี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี เป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และ ภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่วบริเวณจนทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแส น้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนหิน แผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อย ๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า ปล่องไฟนางฟ้า ในปี ค.ศ. 1985 ยูเนสโก้ได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคอนย่าKonya (ระยะทาง 240 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูค ในช่วงปี ค.ศ. 1071-1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทางของภูมิภาคตอนกลางของตุรกี ระหว่างทางนำท่านแวะชม คาราวานสไรน์Caravansary ที่พักแรมและที่แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างทางของชาวเติร์กในสมัยออตโตมัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักค้างคืน ที่ Rixos Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ของการเดินทาง เมืองคอนย่า-เมืองแอสเพนดอส-เมืองอันตาเลีย
|
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่าMevlana Museum หรือสำนักลมวน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1231 โดย เมฟลาน่า เจลาเลดดิน รูบี ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่าเดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามในการทำสมาธิ Whirling Dervishes โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาเลดดิน ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิมและยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตรของเมฟลาน่า นำท่านเดินทางสู่ เมืองแอสเพนโดสAspendos (ระยะทาง 263 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) ระหว่างทางให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่แปลกตาสองข้างทางโดยตลอด
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านชม โรงละครที่มีความยิ่งใหญ่ Roman Theater สัมผัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีความสวยงามและสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 20,000 คน มีเวทีแสดงด้านหลังที่ถูกสร้างขึ้นหลายชั้นเหมือนกับอพาร์ตเม้นท์ ที่มีห้องสำหรับนักแสดงเพื่อไว้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นอกจากนั้นทางด้านซ้ายและด้านขวายังมีทางที่ยื่นออกไปเหมือนกับระเบียงที่ติดต่อกับที่นั่ง ผ่านชมโบราณสถาน ความสวยงามของโรงละครที่สามารถจุได้ประมาณ 15,000 คน ซึ่งมีเวทีที่สวยงาม ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนพร้อมด้วยภาพที่แกะสลักอย่างงดงาม ด้านนอกยังแบ่งออกเป็นสามส่วนที่ประดับด้วยน้ำพุ และยังมีซากโบราณอื่น ๆ เช่น เสาที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามที่อยู่บนทางเดิน สถานที่ทำการค้าขาย นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอันตาเลียAntalya (ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน Mediterranean Sea ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี เป็นอีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถย้อนกลับไปประมาณ 150 ปีก่อนคริสตกาล สำหรับตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนที่ราบชายฝั่งแคบๆ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและท้องทะเลอันงดงาม จนนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนล้วนให้การยกย่องว่าเป็น “ริเวียร่าแห่งตุรกี” ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองนั้นก็มีทั้งส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ถือว่ามีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักค้างคืน ที่ Crowne Plaza Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่ห้าของการเดินทาง เมืองอันตาเลีย-เมืองปามุคคาเล่
|
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมความสวยงามของ เมืองอันตาเลียAntalya ชมความงดงามของอนุสาวรีย์โบราณ รวมถึงกำแพงเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ฮิดิร์ลิค ทาวเวอร์”Hidirlik Tower อีกหนึ่งหอคอยที่มีความสำคัญ ซึ่งสร้างขึ้นจากหินสีน้ำตาลอ่อนเพื่อใช้เป็นป้อมปราการ หรือ ประภาคารในอดีต ฮิดิร์ลิค ทาวเวอร์ เป็นหอคอยทรงกลมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นและเป็นจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ปัจจุบันหอคอยถูกล้อมรอบไปด้วยร้านกาแฟและร้านอาหารมากมาย จากนั้นนำท่านสู่ ประตูเฮเดรียนHadrian’s Gate ประตูชัยซึ่งสร้างขึ้นตามชื่อของจักรพรรดิโรมันเฮเดรียน Roman Emperor Hadrian ในช่วงศตวรรษที่ 2โดยประตูนั้นถูกสร้างขึ้นในรูปแบบทรงโค้ง จำนวน 3 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศตุรกีอีกด้วย จากนั้นนำท่านชม ท่าเรือโบราณOld Habour เป็นท่าเรือที่มีความสวยงามมากที่สุดในบรรดาอ่าวทั้งหลายของประเทศตุรกี มีเรือจอดเรียงรายนับเป็นร้อยลำ จะมีการตกแต่งเรื่อไปเรือโจรสลัดรูปทรงต่าง ๆ สวยงามมาก ปัจจุบันท่าเรือแห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวโดยยังคงเค้าโครงเดิมไว้ ด้านบนของอ่าวจะมีบ้านเรือนที่ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้เป็นอย่างดี สวยงามมาก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่Pamukkale(ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) คำว่า “ปามุคคาเล่” ในภาษาตุรกี หมายถึง “ปราสาทปุยฝ้าย”Pamukหมายถึง ปุยฝ้าย และ Kaleหมายถึง ปราสาท เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซี่ยมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักค้างคืน ที่ Pam Thermal Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่หกของการเดินทาง เมืองปามุคคาเล่-เมืองคูซาดาซึ
|
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย (ปามุคคาล่) เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน นำท่านชมหน้าผาที่ขาวกว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ เป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะเมฆหรือปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างมหัศจรรย์
น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิประมาณ 33-33.5 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามี
คุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านเดินทางสู่ บ้านพระแม่มารีHouse of Virgin Maryซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ ถูกค้นพบอย่างปาฏิหาริย์โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมัน ชื่อ แอนนา แคเธอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerichในปี ค.ศ. 1774-1824 ได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลงมีคนพยายามสืบเสาะค้นหาบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่งพระสันตะปาปา โป๊ปเบเนดิกส์ที่ 16 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้านมีก๊อกน้ำสามก๊อกที่เชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากต้องการให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้าย แล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐาน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักค้างคืน ที่ Le Bleu Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ดของการเดินทาง เมืองคูซาดาซึ-เมืองอิซเมียร์-กรุงอิสตันบูล
|
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านช้อปปิ้ง ณ ศูนย์ผลิตเสื้อหนังคุณภาพสูงซึ่งตุรกีเป็นประเทศที่ผลิตหนังที่มีคุณภาพที่สุด อีกทั้งยังผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่นVersace , Prada , Michael Kors อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัยจากนั้นนำท่านสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุสCity of Ephesusอดีต เป็นเมืองหลวงแห่งเอเชียของอาณาจักรโรมัน ชม อาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของ นครเอฟฟิซุส คือ ห้องสมุดของเซลซุสLibrary of Celsusและอาคารสำคัญอีกแห่งคือ วิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียน Temple of Hadrianสร้างขึ้นถวายแด่จักรพรรดิเฮเดรียน ความโดเด่นของวิหารแห่งนี้คืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก จากนั้นปิดท้ายกันที่สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครเอฟฟิซุส คือ โรงละครGreat Theatreซึ่งสร้างโดยสกัดเข้าไปในไหล่เขาให้เป็นที่นั่ง สามารถจุคนได้ถึง 25,000 คน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรในยุคนั้น สร้างสมัยกรีกโบราณ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินเมืองอิซเมียร์ เพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล
16.50 น. ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์เที่ยวบินที่ TK 2327
17.55 น. เดินทางถึง กรุงอิสตันบูล นำท่านเดินทางสู่ภัตตาคาร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
พักค้างคืน ที่ Sheraton Maslak Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่แปดของการเดินทาง กรุงอิสตันบูล
|
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชม พระราชวังโดลมาบาชเช่Dolmabahce Palace พระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งได้แผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง พระราชวังแห่งนี้สร้างโดย สุลต่าน อับดุล เมอซิท ในปี ค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี เพราะความที่สุลต่านทรงเป็นผู้คลั่งไคล้ยุโรปอย่างสุดขอบ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนการทหาร ล้วนคัดลอกมาจากตะวันตกทั้งสิ้น พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยน ชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ภายนอกพระราชวังประดับตกแต่งด้วยสวนไม้ดอก รายล้อมพระราชวังซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็ก ๆ ของช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องต่าง ๆ ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรง แก้วเจียระไน และ โคมไฟมหึมาหนัก 4.5 ตัน ซึ่งแขวนไว้อย่างโดดเด่นในห้องท้องพระโรงใหญ่ นำท่านต่อด้วยการ ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัสCruise Along the Bosphorusซึ่งเป็นช่องแคบขนาดใหญ่และสองฝั่งมีความสวยงามมาก ช่องแคบนี้ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรป และเอเชีย เชื่อมระหว่าง ทะเลดำThe Black Seaเข้ากับ ทะเลมาร์มาร่าSea of Marmaraมีความยาว 32 กิโลเมตร ให้ท่านได้ชมทิวทัศน์ทั้งสองข้างที่สวยงามตระการตาของ ช่องแคบบอสฟอรัสที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านสู่อาณาจักรแหล่งช้อปปิ้ง Istinye Park ช่วงบ่ายวันนี้ถือว่าเป็นสวรรค์ของนักช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมตัวจริง กับแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุด หรูหราที่สุด พร้อมเป็นห้างที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมที่มากที่สุด ให้ท่านได้เลือกช้อปปิ้งอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็น PRADA, LOUIS VITTON, HERMES, GUCCI, CHANEL และแบรนด์ชั้นนำอีกมากมาย ชั้นล่างของห้างก็มีร้านอาหารหรูหรามากมาย หรือจะเลือกเป็นอาหาร Fast Food ก็มีหลากหลายให้ท่านเลือก เช่น McDonald’s,Burger King ร้านไอศกรีมต่าง ๆ ฯลฯ สิ่งที่ต้องควรระวังห้าม ช้อปปิ้ง
สินค้าเพลินจนลืมนึกถึงน้ำหนักกระเป๋าขากลับต้องไม่เกิน 20 กิโลกรัม, ห้าม ช้อปปิ้งสินค้าเพลินจนลืมเวลาที่นัดหมายไว้, ห้าม พูดว่าครั้งแรกนึกว่าให้เวลาช้อปปิ้งนานเกินไป แต่พอถึงเวลานัดหมายกลับกลายเป็นให้เวลาช้อปปิ้งน้อยเกินไปยังซื้อสินค้าที่อยากได้ไม่ครบเลย สำหรับร้านอาหารบางร้านรับชำระเงินค่าอาหารด้วยเงิน ลีร่า เท่านั้น เพราะฉะนั้นท่านจะต้องมีเงิน ลีร่า ติดตัวไว้ด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
พักค้างคืน ที่ Sherton Msalak Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่เก้าของการเดินทาง กรุงอิสตันบูล-กรุงเทพมหานคร
|
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชม โบสถ์เซนต์โซเฟียSt. Sophiaซึ่งเป็นศิลปะแบบไบแซนไทม์ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ของจักรวรรดิไบแซนไทม์ เดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครองจึงได้เปลี่ยนโบสถ์ดังกล่าวมาเป็นมัสยิด แต่ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัย เคมาล อะตาเติร์ก หลังจากที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์เป็นเวลากว่า 916 ปี และเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลามอีกกว่า 447 ปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามและความยิ่งใหญ่ ภายในมีภาพประดับโมเสกทองที่สมบูรณ์บ่งบอกถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่มีต่อคริสต์ศาสนา จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงินBlue Mosqueที่มาของชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินเป็นเพราะเขาใช้กระเบื้องสีน้ำเงินในการตกแต่งภายใน ซึ่งทำเป็นลายดอกไม้ต่าง ๆ เช่น ดอกกุหลาบ คาร์เนชั่น ทิวลิป เอกลักษณ์เด่นอีกอย่างแต่อยู่ภายนอกคือ หอประกาศเชิญชวนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำพิธีละหมาด Minaret6 หอ เท่ากับสุเหร่าที่นครเมกกะชมสนามแข่งม้าของชาวโรมัน หรือ “ฮิปโปโดรม”Hippodromeหรือจัตุรัสสุลต่านอาห์เมต สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุส เซเวรุส เพื่อเป็นที่แสดงกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิ เซปติมิอุส เซเวรุส เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้น ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธี แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือ เสาที่สร้างในอียิปต์ เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ตุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้นนำท่านสู่อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตันYerebatan Sarniciสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิจัส
ตินเนียน ในปี ค.ศ. 532 เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำหรับใช้ในพระราชวัง สำรองไว้ใช้ยามที่กรุงอิสตันบูลถูก
ข้าศึกปิดล้อมเมือง มีความกว้าง 65 เมตร ยาว 143 เมตร มีเสาค้ำหลังคา 336 ต้น นำท่านเข้าชม พระราชวังทอปกาปึTopkapi Palaceซึ่งสร้างในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 หรือ เมห์เมตผู้พิชิต ภายหลังที่ทรงตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล หรือ อิสตันบูลในปัจจุบันได้แล้ว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรออตโตมัน จึงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังนี้ขึ้นเป็นที่ประทับอย่างถาวร พระราชวังทอปกาปึนี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กินเนื้อที่เกือบ 700,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตามแนวฝั่งทะเลมาร์มาร่า ภายในพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า อาทิเช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านในแต่ละยุคสมัยส่งท้ายครึ่งวันช่วงบ่ายด้วยการนำท่านสู่ ย่านช้อปปิ้ง ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ตSpice Marketหรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันเลื่องชื่อของตุรกี อย่าง แอปปลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ กรุงเทพมหานคร
วันที่สิบของการเดินทาง กรุงเทพมหานคร
|
00.55 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 68
14.50 น. เดินทางถึงสนามบิน สุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ
*** End of Service ***
กำหนดการเดินทาง โปรแกรม ลักซ์ชูรี ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน
22-31 ก.ค. / 16-25 ต.ค. 2558 ราคาท่านละ 69,900.- บาท
จองด่วน ที่นั่งมีจำนวนจำกัด จัดเพียง 2 กรุ๊ปเท่านั้น
อัตราค่าบริการ โปรแกรม ลักซ์ซูรีย์ ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ หรือ เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่านราคาท่านละ 69,900.-บาท
ในกรณีต้องการพักห้องเดี่ยว เพิ่มเงินอีกท่านละ 10,000.- บาท
เด็ก ต่ำกว่า 12 ปี (เสริมเตียง-พักกับผู้ใหญ่อีก 2 ท่าน) ราคาท่านละ 67,900.- บาท
เด็ก ต่ำกว่า 12 ปี (ไม่เสริมเตียง-พักกับผู้ใหญ่อีก 2 ท่าน) ราคาท่านละ 66,900.- บาท
ราคาทัวร์ไม่เอาตั๋ว (ไม่รวมตั๋วบินภายใน) Land Only ราคาท่านละ 43,900.- บาท
ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์ เริ่มต้นที่ท่านละ 78,000.-บาท
ราคาสามารถยืนยันได้ก็ต่อเมื่อมีทั่งConfirmแล้วเท่านั้น
**ราคาอาจมีการปรับขึ้น – ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นลง แต่จะปรับตามความเป็นจริงที่
สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น (คิด ณ วันที่ 7 มกราคม 2557) **
ข้อแนะนำบางประการและต้องแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบก่อนการเดินทาง
สำหรับห้องพักแบบ 3 เตียง มีบริการเฉพาะบางโรงแรมเท่านั้น กรณีเดินทางเป็นผู้ใหญ่ 3 ท่าน บริษัทฯ ขอแนะนำให้นักท่องเที่ยวเปิดห้องพัก เป็น 2 ห้อง จะสะดวกกับนักท่องเที่ยวมากกว่า
กรณีเดินทางเป็นตั๋วกรุ๊ป หากออกตั๋วแล้ว นักท่องเที่ยวไม่สามารถขอคืนเงินได้ และไม่สามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้
กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลด สำหรับชั้นท่องเที่ยว ท่านละ 1 ใบ (น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม)
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง Hand Carry(น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
อัตราค่าบริการนี้รวมถึง
ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชั้นนักท่องเที่ยว สายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ส (น้ำหนักกระเป๋าเดินทาง ไม่เกิน 20 กิโลกรัม/ท่าน)
ค่าภาษีสนามบิน, ค่าภาษีน้ำมัน, ค่าประกันภัยทางอากาศ, ค่าภาษีประเทศตุรกี
ค่าประกันภัยการเดินทางวงเงิน 1,000,000.- บาท (ไม่ครอบคลุมผู้ที่มีอายุเกิน 85 ปี)
ค่าที่พักตลอดการเดินทาง (พักห้องคู่), ค่าอาหารทุกมื้อที่ระบุในโปรแกรม, น้ำดื่มบริการบนรถ วันละ 2 ขวด
ค่าพาหนะ หรือ รถรับ-ส่ง ระหว่างนำเที่ยว, ค่าเข้าชมสถานที่ทุกแห่งตามโปรแกรมระบุ
เจ้าหน้าที่ไกด์คนไทย อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวมถึง
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าซักรีด, ค่าโทรศัพท์, ค่าแฟกซ์, เครื่องดื่มมินิบาร์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุ
ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น (3.00USD / ท่าน / วัน), คนขับรถ (2.00USD / ท่าน / วัน) (คิดเป็น 8 วัน รวมเท่ากับ 40 USD)
ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ท่านละ 3.00 USD /ท่าน / วัน (คิดเป็น 10 วัน รวมเท่ากับ 30 USD)
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
เงื่อนไขการจองทัวร์ ลักซ์ชูรี่ ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน
การชำระเงิน งวดที่1:สำรองที่นั่งมัดจำท่านละ10,000.-บาท ภายใน 3 วันหลังจากทำการจอง
งวดที่2:ชำระส่วนที่เหลือทั้งหมด ภายใน 30 วันล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง
กรณียกเลิกทัวร์ โปรแกรม ลักซ์ชูรี่ ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 31 วัน ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (สงกรานต์-ปีใหม่ 45 วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 16-30 วัน หักค่ามัดจำ 10,000+ค่าวีซ่า (ถ้ามี) (สงกรานต์-ปีใหม่ 26-44 วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 10-15 วัน หักค่ามัดจำ 10,000+ค่าใช้จ่ายอื่น (ถ้ามี) (สงกรานต์-ปีใหม่ 20-25วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 4-9 วัน หักค่าใช้จ่าย 50-75% ของค่าทัวร์ (สงกรานต์-ปีใหม่ 4-19วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 1-3 วัน หักค่าใช้จ่าย 100%
หมายเหตุ
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทาง ในกรณีที่มีผู้เดินทางต่ำกว่า 20 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 20 วัน ก่อนการเดินทาง
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว กรณีที่เกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย อาทิ การล่าช้าของสายการบิน การนัดหยุดงาน การประท้วง ภัยธรรมชาติ การก่อจลาจล อุบัติเหตุ ปัญหาการจราจร ฯลฯ ทั้งนี้จะคำนึงและรักษาผลประโยชน์ของผู้เดินทางไว้ให้ได้มากที่สุดเนื่องจากการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัท
ตัวแทนในต่างประเทศ ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องเงินคืน ในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ ในการใช้บริการที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นท่านได้ทำการตกลง หรือ แจ้งให้ทราบ ก่อนเดินทาง
- บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากท่านถูกปฏิเสธการตรวจคนเข้าเมือง และจะไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ท่านชำระมาแล้ว หากท่านถูกปฏิเสธการเข้าเมือง อันเนื่องจากการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย หรือการหลบหนีเข้าเมือง
- ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฏิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
ตั๋วเครื่องบิน
- ในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับหากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนดซึ่งทางบริษัทฯไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้และในกรณีที่ยกเลิกการเดินทางถ้าทางบริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้วผู้เดินทางต้องรอRefund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น(ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น)
- ท่านที่จะออกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศเช่นเชียงใหม่ภูเก็ตหาดใหญ่ฯลฯโปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆยืนยันการเดินทางแน่นอนหากท่านออกตั๋วภายในประเทศโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงานแล้วทัวร์นั้นยกเลิกบริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศได้
- เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้วหมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น
โรงแรมและห้อง
- ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่(Twin/Double) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง(Triple Room) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรมซึ่งมักมีความแตกต่างกันซึ่งอาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการหรือ อาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้
- โรงแรมหลายแห่งในยุโรปจะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ เครื่องปรับอากาศที่มีจะให้บริการในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
- ในกรณีที่มีการจัดประชุมนานาชาติ (Trade Fair) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน
- กรุณางดนำของมีคมทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบินเช่นมีดพับกรรไกรตัดเล็บทุกขนาดตะไบเล็บเป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ห้ามนำติดตัวขึ้นบนเครื่องบินโดยเด็ดขาด
- วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลวอาทิครีมโลชั่นน้ำหอมยาสีฟันเจลสเปรย์และเหล้าเป็นต้นจะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งโดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้นในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตราการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
- หากท่านซื้อสินค้าปลอดภาษีจากสนามบินจะต้องปิดผนึกถุงโดยระบุวันเดินทางเที่ยวบินจึงสามารถนำขึ้นเครื่องได้และห้ามมีร่องรอยการเปิดปากถุงโดยเด็ดขาด
สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ
- สำหรับน้ำหนักของสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องบินคือ 20 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/ Economy Class Passenger ซึ่งขึ้นกับแต่ละสายการบิน) การเรียกเก็บค่าระวางน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฏิเสธได้หาก น้ำหนักกระเป๋าเดินทางเกินกว่าที่สายการบินกำหนด
- สำหรับกระเป๋าสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมและมีความกว้าง
( 9.75นิ้ว ) + ยาว( 21.5นิ้ว ) + สูง ( 18 นิ้ว ) ในบางรายการทัวร์ที่ต้องบินด้วยสายการบินภายในประเทศน้ำหนักของกระเป๋าอาจจะถูกกำหนดให้ต่ำกว่ามาตราฐานได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบินบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับภาระ ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในน้ำหนักส่วนที่เกิน
- กระเป๋าและสัมภาระที่มีล้อเลื่อนและมีขนาดใหญ่เกินไปไม่เหมาะกับการเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน (Hand carry)
การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย
- ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากเกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนัก
กระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business) ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่
- กรณีกระเป๋าใบใหญ่เกิดการสูญหายระหว่างการท่องเที่ยว (ระหว่างทัวร์ ไม่ใช่ระหว่างบิน) ซึ่งอยู่ในความความรับผิดชอบของหัวหน้าทัวร์ โดยปกติประกันภัยการเดินทางที่บริษัททัวร์ได้จัดทำให้ลูกค้าจะไม่ครอบคลุมค่าชดเชยในกรณีกระเป๋าใบใหญ่สูญหาย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะพิจารณาชดเชยค่าเสียหายให้ท่าน โดยชดใช้ตามกฎของสายการบินเท่านั้น นั่นหมายถึงจะชดเชยตามน้ำหนักกระเป๋า คูณ ด้วยค่าชดเชย USD 20 ต่อกิโลกรัมเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงไม่ควรโหลดของมีค่าทุกประเภทในกระเป๋าใบใหญ่ เพราะหากเกิดการสูญหาย ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การชดเชยค่าเสียหายตามรายระเอียดข้างต้นเท่านั้น
- กรณีกระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการสูญหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้ท่านได้ ดังนั้นท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน